พอถึงวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน ประเด็นยอดฮิตที่พูดถึงกันในเช้า กลางวัน เย็น กับความหวังที่ว่า “วันนี้รวย” เนื่องจากเป็นวันออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือเรียกแบบชาวบ้านๆ เลย “วันหวยออก” ( แทงหวยออนไลน์ LSM )
หวย หรือ สลากกินแบ่งรัฐบาล เรียกว่า อยู่คู่กับคนไทยมานานมาก รู้จักกันตั้งแต่เล็กๆ เนื่องจาก เด็กๆ มักจะถูกผู้ใหญ่รอบตัวรบกวนช่วยเลือกซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เป็นประจำ เด็กๆ ทุกคนเลยจะรู้จัก หวย หรือ สลากกินแบ่งรัฐบาล
แต่เคยสงสัยไหมว่า กว่าจะเป็น สลากกินแบ่งรัฐบาลในวันนี้ มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง ทำไมบางคนเรียก หวย หรือ ลอตเตอรี่ สรุปแล้วใช่แบบเดียวกันไหม หรือความจริงแล้วแตกต่างกัน ลองมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
‘สลากกินแบ่งรัฐบาล’ กับ ‘หวย’ ก่อนจะมาเป็น LSM
คนไทยรู้จักอะไรก่อน?
คนไทยรู้จัก ‘หวย’ ก่อน เนื่องจากเป็นการพนันของชาวจีนที่เข้ามาในช่วงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 โดยประสบปัญหาเรื่องข้าวยากหมากแพง คนรายได้น้อยต้องทำงานใช้แรงงานเพื่อแลกข้าวกิน คนที่มีเงินก็ไม่นำเงินออกมาใช้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 จึงหาสาเหตุและวิธีการแก้ไข โดยมองว่า ถ้ามีการออกหวยเหมือนประเทศจีนก็จะทำให้คนนำเงินออกมาใช้จ่ายมากขึ้น
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 จึงโปรดให้ชาวจีนที่เรียกกันว่า เจ้าสัวจีนหง ซึ่งเป็นขุนบาล เป็นนายอากรสุรา ในขณะนั้น ผู้ดำเนินการออกหวยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2378 โดยดัดแปลงวิธีการออกหวยในจีน ให้เป็นแบบไทย เพื่อความเข้าใจง่าย โดยในประเทศจีน หวยจะเป็นแผ่นป้ายภาษาจีนเขียนเป็นชื่อคน ทั้งหมด 34 ชื่อ (ภายหลังเพิ่มเป็น 36 ชื่อ) เจ้ามือจะทำการเลือกเพียง 1 ชื่อใส่กระบอกแล้วแขวนไว้ และทุกคนพนันทายว่าชื่ออะไร คนทายถูกก็จะได้รางวัล และนำชื่อทั้งหมดใส่ในกระบอก เมื่อนำมาออกในไทย จึงปรับเปลี่ยนเป็นภาษาไทย เพราะคนไทยอ่านภาษาจีนไม่ออก
หวยในประเทศไทย ถูกเรียกว่า หวย ก ข เนื่องจากเป็นแผ่นป้ายที่มีตัวอักษรไทยกำกับ เช่น ก ข ค ง จ ฉ ฯลฯ เรียงตามลำดับ จำนวนทั้งสิ้น 36 ตัวอักษร แต่จะมีอยู่ 8 ตัวอักษรที่ไม่ถูกใช้ ได้แก่ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ศ ษ โดยวิธีการเล่นหวยในยุคนั้น คือ ไปซื้อหวยจากเสมียนตามถนนต่างๆ เมื่อซื้อแล้ว เสมียนจะออกใบเสร็จโดยระบุข้อความเกี่ยวกับตัวอักษร วันเดือนปี และเวลาที่ออกหวย จำนวนเงินที่แทง รวมทั้งรางวัลที่จะได้รับ โดยทางเสมียนจะเขียนข้อความที่เหมือนกันไว้ 2 ใบ คือ ต้นขั้วและปลายขั้ว ผู้ซื้อจะถือปลายขั้วไว้ ส่วนเสมียนจะนำต้นขั้วส่งมอบให้เจ้าสัวจีนหงก่อนกำหนดหวยออก เพื่อคิดว่าหวยตัวไหนคนแทงมากน้อย จะกำไรหรือขาดทุน หลังจากนั้นจะนำหวยที่คิดได้ใส่ถุงแขวนให้ประชาชนรู้ว่าหวยออกตัวไหน โดยผู้ที่ถูกรางวัลจะได้ 30 เท่ารวมทุน
สมัยนั้น โรงหวยจะอยู่บริเวณสะพานหัน ก่อนย้ายมาที่บริเวณหน้าวังบูรพาภิรมย์ ทำการออกหวยทุกวันตอนเช้า ต่อมาได้มีการกราบทูลขอเพิ่ม 1 โรง ที่บางลำพู โดยพระศรีวิโรจน์ เพื่อทำการออกหวยตอนค่ำ ทำให้ในขณะนั้นมีการออกหวย 2 โรง เรียกว่า โรงเช้าและโรงค่ำ
พอถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีผู้ขอผูกอากรหวยออกไปตั้งที่เพชรบุรีและอยุธยา แต่เล่นอยู่ไม่นาน พระองค์จึงโปรดให้เลิกหวยทั้งสองแห่งเสีย เนื่องจากทรงเห็นว่าไม่ได้ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่กลับทำให้ยากจนลงกว่าเดิม
ยุคสลากกินแบ่งรัฐบาลเปลี่ยนแปลง ก่อนเข้าสู่ยุคหวยออนไลน์ LSM
ก่อน ปี พ.ศ. 2560 สลากกินแบ่งรัฐบาล ยังคงเป็นแบบ 2 ฉบับต่อ 1 ใบ หรือที่เรียกว่า สลากกินแบ่งรัฐบาล 1 คู่ หนึ่งใบจะมีหมายเลขเดียวกันสองชุด ทำให้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลเป็นสองเท่าจากที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามหากสลากมีเพียงหมายเลขชุดเดียว อันเนื่องจากการแบ่งขายหรือการพิมพ์ที่ผิดพลาด หากถูกรางวัลก็จะได้รับเงินรางวัลไปชุดเดียว หรือถ้าถูกรางวัลมากกว่าหนึ่งประเภทในสลากใบเดียวกัน ก็รับเงินรางวัลไปตามจำนวนที่ถูก รางวัลต่างๆ แบ่งได้ดังนี้
รางวัลที่ 1 มูลค่า 3,000,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 มูลค่า 50,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
รางวัลที่ 2 มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 5 รางวัล
รางวัลที่ 3 มูลค่า 40,000 บาท จำนวน 10 รางวัล
รางวัลที่ 4 มูลค่า 20,000 บาท จำนวน 50 รางวัล
รางวัลที่ 5 มูลค่า 20,000 บาท จำนวน 100 รางวัล
เลขหน้า 3 ตัว มูลค่า 2,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
เลขท้าย 3 ตัว มูลค่า 2,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
เลขท้าย 2 ตัว มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
และตั้งแต่งวด 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป ทางกองสลากได้ ยกเลิกรางวัลที่ 1 พิเศษ (รางวัลแจ็กพอต) แต่เพิ่มเงินรางวัลที่ 1 จาก 2 ล้านบาท เป็น 3 ล้านบาท
ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสลาก และเงินรางวัลในงวด 1 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป จาก 1 ใบ มี 2 ฉบับคู่ เป็นฉบับละ 1 ใบ โดยยังจำหน่ายในราคาเดียวกับแบบ 1 ใบมี 2 ฉบับคู่ และถ้าถูกรางวัลจะได้รับเงินรางวัลต่างๆ แบ่งได้ดังนี้
รางวัลที่ 1 มูลค่า 6,000,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
รางวัลที่ 2 มูลค่า 200,000 บาท จำนวน 5 รางวัล
รางวัลที่ 3 มูลค่า 80,000 บาท จำนวน 10 รางวัล
รางวัลที่ 4 มูลค่า 40,000 บาท จำนวน 50 รางวัล
รางวัลที่ 5 มูลค่า 20,000 บาท จำนวน 100 รางวัล
เลขหน้า 3 ตัว มูลค่า 4,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
เลขท้าย 3 ตัว มูลค่า 4,000 บาท จำนวน 2 รางวัล
เลขท้าย 2 ตัว มูลค่า 2,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
ปัจจุบันสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังถูกกวดขันเรื่องการขายเกินราคา โดยยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ ล่าสุดได้มีการตั้งรางวัลสำหรับผู้ให้เบาะแสแหล่งขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เกินราคา โดยจ่ายถึง 1,000 บาท ต้องมาดูกันต่อไปว่า จะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะราคาเท่าไร ถ้าเป็นเลขที่ใช่หรือชอบ ผู้ซื้อย่อมพึงใจจ่าย (ท่านสามารถแทงได้ที่ LSM)
เพราะสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นความหวังที่ว่า…วันนี้เราจะรวย